วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Lesson 8 E-marketing

Lesson 8 E-marketing


E-Marketing ย่อมาจากคำว่า Electronic

Marketing หรือเรียกว่า “การตลาดอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน เข้ามาเป็นสื่อกลาง ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือพีดีเอ ที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยอินเทอร์เน็ต มาผสมผสานกับวิธีการทางการตลาด การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด อย่างลงตัวกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กรอย่างแท้จริง



E-marketing Plane

วัตถุประสงค์ของโครงสร้างการทำ E-marketing Plan เพื่อ

  • Cost reduction and value chain efficiencies
  • Revenue generation
  • Channel partnership.
  • Communications and branding
ข้อดีของ E-marketing เมื่อเทียบกับสื่ออื่น

  1. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้ าหมายมากกว่า 800 ล้านคน 225 ประเทศ 104 ภาษา
  2. สามารถวัดผลได้แม่นยำกว่าสื่ออื่น
  3. ราคาลงโฆษณาถูกกว่าเมื่อเทียบกับสื่ออื่น
  4. จำนวนผู้ใช้สื่อเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ
  5. คุณภาพของผู้ใช้มีมากกว่าสื่ออื่น

การเริ่มต้นการตลาดออนไลน์

  1. กำหนดเป้าหมาย
  2. ศึกษาคู่แข่ง
  3. สร้างพันธมิตร
  4. ติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็น
  5. ดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์

การสร้างเอกลักษณ์ของเว็บไซต์ (Web Identity)

    การสร้างให้คนรู้จักและจดจำ Brand ของเว็บไซต์คุณก็เหมือนกับสร้างความคุ้นเคยของลูกค้าที่มีต่อ
เว็บไซต์ของคุณ
  • การวางคอนเซพท์ของตัวเว็บไซต์
  • สไตล์การเขียนที่เป็นเอกลักษณ์
  • มีความสอดคล้องกับแบรนด์สินค้าหรือบริการหลัก เว็บไซต์ของ Hutch (www.Hutch.co.th)
  • ลักษณะการออกแบบเว็บไซต์ การใช้สีสัน,การวางรูปแบบหรือเลย์เอาท์,การใช้โลโก้ที่มีความโดดเด่น

การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์


วิธีออนไลน์(Online)
  • Banner Advertising
  • Search Engine Advertising
  • E-mail Advertising
  • Viral Marketing
  • E-Marketplace Marketing
วิธีการออฟไลน์(Offline)
  • แบบฟรี
  • แบบเสียเงิน

11 วิธีการออกแบบแบนเนอร์ให้ได้ผล

  1. ขนาดยิ่งใหญ่ยิ่ง มีโอกาสการคลิกเยอะ
  2. เปลี่ยนแบนเนอร์บ่อย (1 แคมเปญ ควรมีอย่างน้อยแบนเนอร์ 2 แบบ
  3. ใช้คำพดู ที่จูงใจ ดึงดูดในแบนเนอร์ เช่น “กดทีนี่” “โอกาสสุดท้าย”
  4. ฟรี.! ยังเป็นคำที่มีอนุภาคมากที่สุด
  5. การใช้ภาพเคลท่อนไหว จะมีคนคลิกมากว่า โฆษณาภาพนิ่ง
  6. การใช้เซ็กซ์ ช่วย.. ยังไงคนก็สนใจ
  7. ใช้สีสันโดดเด่น มีคนสนใจมากกว่า สีดำๆ ถมึนๆ
  8. การออกแบบที่ดี
  9. ขนาดไฟล์ของแบนเนอร์ไม่ควรใหญ่จนเกินไป
  10. ทำลิงค์ไปหน้าที่ต้องการหลังจากกด แบนเนอร์
  11. ทดสอบแบนเนอร์ก่อน ขึ้นจริงๆ

Search Engine Marketing

Natural Search Engine Optimization (SEO) เป็นการปรับแต่ง Key Wordให้ตรงกับเว็บไซต์เมื่อมีการค้นหาผ่าน SearchEngine ชื่อเว็บจะแสดงอยู่ในหน้ารายการของเว็บที่ค้นเจอ

ข้อดี
  • ฟรี Traffic
  • ผู้ชมจะคลิกในส่วนนี้สูงถึง 60-70%
ข้อเสีย
  • ใช้เวลานานในการขึ้นอันดับ
  • สามารถเลือกจำนวน keyword ได้จำกัดแค่ 2-5 คำต่อเนื้อหาหนึ่งหน้าของเว็บเพจ
  • ไม่สามารถรักษาสถานะของอันดับได้แน่นอน
  • ไม่สามารถวัดค่า ROI ที่แน่นอนใช้เวลานานกว่าจะรู้ผลของแต่ละคำ

Paid Search Advertising (Pay Per Click Advertising)

เป็นการโฆษณาแบบ จ่ายเงินเพื่อทำให้เว็บของคุณ แสดงเมื่อมีการค้นหาใน Key Word
ที่คุณกำหนดไว้

ข้อดี
  • พร้อมใช้ในเวลาไม่ถึง 15 นาที
  • แม้ว่า Search Engine จะเปลี่ยนแปลงการจัดใหม่ อันดับของคุณจะคงที่อยู่เสมอ
  • สามารถเลือกจำนวน keyword ได้ไม่จำกัด
  • ควบคุมค่าใช้จ่าย และสามารถวัดค่า ROI ได้แม่นยำและใช้เวลาไม่นาน
ข้อเสีย
  • ต้องเสียเงินทุกครั้งเมื่อมีคนคลิกAd
  • ต้องใช้ทักษะที่ค่อนข้างสูงในการบริหาร Ad

รูปแบบรายได้จากการทำเว็บไซต์

  1. ขายโฆษณาออนไลน์
  2. ขายสินค้า E-Commerce
  3. ขายบริการหรือสมาชิก
  4. ขายข้อมูล (Content)
  5. การจัดกิจกรรม, งาน
  6. การให้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ
  7. การรับพัฒนาเว็บไซต์

6 Cs กับความสำเร็จของการทำเว็บ

  1. C ontent (ข้อมูล)
  2. C ommunity (ชุมชน,สังคม)
  3. C ommerce (การค้าขาย)
  4. C ustomization (การปรับให้เหมาะสม)
  5. C ommunication, Channel (การสื่อสารและช่องทาง)
  6. C onvenience (ความสะดวกสบาย)

Lesson 9 E-govemment

Lesson 9 E-govemment




  • e-government คือ วิธีการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลงานของภาครัฐ และปรับปรุงการบริการแก่ประชาชน และการบริการด้านข้อมูลเพื่อเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐมากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพของการเข้าถึง และการให้บริการของรัฐโดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มคน 3 กลุ่ม คือ ประชาชน ภาคธุรกิจและข้าราชการเอง ผลพลอยได้ที่สำคัญที่เราจะได้รับคือความโปร่งใสที่ดีขึ้นอันเนื่องมากจากการเปิดเผยข้อมูลที่หวังว่าจะนำไปสู่การลดคอรัปชั่น หากเทียบกับ e-commerce แล้ว e-government คือ G-to-G1 Transaction และมีลักษณะเป็น intranet มีระบบความปลอดภัย เพื่อทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ ในขณะที่     e-services เทียบได้กับ B-to-G2 และ G-to-C3 Transaction ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการให้บริการ โดยภาคธุรกิจกับประชาชนคือผู้รับบริการหลัก e-Government จะเป็นแบบ G2G G2B และ G2Cระบบต้องมีความมั่นคงปลอดภัยเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐประชาชนอุ่นใจในการรับบริการและชำระเงินค่าบริการ ธุรกิจก็สามารถดำเนินการค้าขายกับหน่วยงานของรัฐด้วยความราบรื่น อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญในการให้บริการตามแนวทางรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์


  • B2C ภาคธุรกิจสู่ผู้บริโภค (Business to Consumer)
  1. B2B ภาคธุรกิจสู่ภาคธุรกิจ (Business to Business)
  2. G2G ภาครัฐสู่ภาครัฐด้วยกัน (Government to Government)
  3. G2C ภาครัฐสู่ประชาชน (Government to Citizen)
  4. G2B ภาครัฐสู่ภาคธุรกิจ (Government to Business)
  5. G2E ภาครัฐสู่ภาคข้าราชการและพนักงานของรัฐ (Government to Employee)



  • รัฐ กับ ประชาชน (G2C)

         เป็นการให้บริการของรัฐสู่ประชาชนโดยตรง โดยที่บริการดังกล่าวประชาชนจะสามารถดำเนินธุรกรรมโดยผ่านเครือข่ายสารสนเทศของรัฐ เช่น การชำระภาษี การจดทะเบียน การจ่ายค่าปรับ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนประชาชนกับผู้ลงคะแนนเสียงและการค้นหาข้อมูลของรัฐที่ดำเนินการให้บริการข้อมูลผ่านเว็บไซต์ เป็นต้น โดยที่การดำเนินการต่าง ๆ นั้นจะต้องเป็นการทำงานแบบ Online และ Real Time มีการรับรองและการโต้ตอบที่มีปฏิสัมพันธ์



  • รัฐ กับ เอกชน (G2B)
         เป็นการให้บริการขภาคธุรกิจเอกชน โดยที่รัฐจะอำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันกันโดยความเร็วสูง มีประสิทธิภาพ และมีข้อมูลที่ถูกต้องอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส เช่น การจดทะเบียนทางการค้า การลงทุน และการส่งเสริมการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ การส่งออกและนำเข้า การชำระภาษี และการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก



  • รัฐ กับ รัฐ (G2G)

         เป็นรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปมากของหน่วยราชการ ที่การติดต่อสิ่อสารระหว่างกันโดยกระดาษและลายเซ็นต์ในระบบเดิมในระบบราชการเดิม จะมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยการใช้ระบบเครือข่ายสารสนเทศ และ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเป็นทางการเพื่อเพิ่มความเร็วในการดำเนินการ (Economy of Speed) ลดระยะเวลาในการส่งเอกสารและข้อมูลระหว่างกันนอกจากนั้นยังเป็นการบูรณาการการให้บริการระหว่างหน่ววยงานภาครัฐโดยการใช้การเชื่อมต่อโครงข่ายสารสนเทศเพื่อเอิ้อให้เกิดการทำงานร่วมกัน (Collaboration) และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน (Government Data Exchan)

  • รัฐ กับ ข้าราชการและพนักงานของรัฐ (G2E)

         เป็นการให้บริการที่จำเป็นของพนักงานของรัฐ (Employee)กับรัฐบาล โดยที่จะสร้างระบบเพื่อช่วยให้เกิดเครื่องมือที่จำเป็นในการปฏิบัติงานและการดำรงชีวิต เช่น ระบบสวัสดิการ ระบบที่ปรึกษาทางกฎหมาย และข้อบังคับในการปฏิบัติราชการ ระบบการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ เป็นต้น
.ระบบ E-Tending ระบบการยื่นประมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง     กระบวนการสลับซับซ้อน



  1. ระบบ E-Tending ระบบการยื่นประมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง     กระบวนการสลับซับซ้อนระบบ E-Purchasing ระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น 2 ระบบย่อย
  2. ระบบ E-Purchasing ระบบจัดซื้อจัดจ้างอิเล็กทรอนิกส์ แบ่งออกเป็น 2 ระบบย่อย


  • ระบบ E-Shopping ระบบการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่มีมูลค่าไม่สูง กระบวนการสลับซับซ้อนไม่มาก  การลงทุนเพื่อจัดทำระบบ E-Shopping จะมีความคุ้มทุนก็ต่อเมื่อมีความถี่ในการซื้อสินค้าบ่อยครั้ง
  • ระบบ E-Auction เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างและบริการที่มีมูลค่าสูงหรือประมาณมาก และมีกระบวนการดำเนินงานที่ไม่สลับซับซ้อนมากนัก






วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Lesson 7 Supply Chain Management

Lesson 7 Supply Chain Management Enterprise Resource Planning

(Customer Relation Management)

     นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ การดำเนินธุรกิจต่างๆ เกือบทุกสาขาได้หยุดชะงักหรือชะลอตัวลงหรือแม้กระทั่ง ปิดกิจการไปเนื่องจากกิจการส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ยอดขายลดลง ทำให้มีสินค้าคงเหลืออยู่เป็ นจำนวนมากต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคทีเปลี่ยนแปลงไปทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อรองรับกล่มุ ลูกค้าและการแข่งขัน
การใช้กลยุทธ์เดิมๆ คือ การเร่งพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบริการให้มีความโดดเด่นและใช้กลยุทธ์ด้านราคาด้วยการลดต้นทุนและตัดค่าใช้จ่ายลง แต่องค์กรทุกองกรค์ต่างใช้กลยุทธ์ที่ไม่แตกต่างกันจนกระทั่ง ไม่ได้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันมากนัก แต่ในปัจจุบันมีแนวความคิดที่กำลังได้รับความสนใจและให้ความสำ คัญกันมากคือ การบริหารซัพพลายเชน


Supply Chain Management

    ระบบที่จัดการการบริหารและเชื่อมโยงเครือข่ายตั้งแต่ suppliers, manufacturers, distributors เพื่อส่งมอบ สินค้าหรือบริการให้ลูกค้าโดยมีการเชื่อมโยงระบบข้อมูล วัตถุดิบสินค้าและบริการ เงินทุน รวมถึงการส่งมอบเข้าด้วยกัน เพื่อให้การส่งมอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถส่งมอบได้ตรงตามเวลาและความต้องการ



ระยะที่ 1 องค์กรในรูปแบบพื้นฐาน (The Baseline Organization)

    เป็นรูปแบบการบริหารจัดการแบบดั้งเดิมที่ต้องการสร้างผลกำไรสูงสุดขององค์กร โดยเน้นความชำนาญในการทำงานของแต่ละแผนก/ฝ่ายซึ่งองค์กรในรูปแบบนี้อาจไม่สามารถปรับแผนการผลิตและการจัดหาวัตถุดิบได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดของผู้บริโภคเนื่องจากแต่ละแผนก/ฝ่ายต่างทำงานเป็ นอิสระต่อกันไม่เกี่ยวกัน

ระยะที่ 2 องค์กรที่รวมหน้าที่ทางธุรกิจเข้าด้วยกัน (The Functionally Integrated Company)

    ในระยะนี้องค์กรจะเริ่มจัดตั้งเป็ นบริษัท โดยในองค์กรได้มีการรวบรวมหน้าที่/ลักษณะงานที􀀧เป็นประเภทเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันไว้ในกลุ่มงาน/ฝ่ายเดียวกัน ซึ่งจะไม่มีแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบออกจากันอย่างเด็ดขาดเหมือนระยะแรกเช่น ฝ่ายจัดการวัตถุดิบมีหน้าที่จัดซื้อ จัดสรร ควบคุมการใช้
วัตถุดิบและปัจจัยการผลิตอื่นๆ ฝ่ายการผลิตมีหน้าที่วางแผนการผลิต และควบคุมคุณภาพการผลิต และฝ่ายขายมีหน้าที่วางแผนการตลาดและขายสินค้า เป็นต้น

ระยะที่ 3 องค์กรรวมการดำเนินงานภายนอกธุรกิจไว้ด้วยกัน (The Externally Integrated Company)

    ระยะนี้เป็นระยะที่บริษัทก้าวเข้าสู่รูปแบบการบริหารแบบซัพพลายเชนอย่างเต็มตัว โดยบริษัทได้ปรับโครงสร้างการบริหารแบบซัพพลายเชนภายในบริษัทของตนเองไว้เรียบร้อยแล้ว และเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การบริหารลูกโซ่อุปทานภายนอก โดยเข้าไปทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในลักษณะที่เป็นเครือข่ายการทำงานเดียวกัน เพื่อควบคุมคุณภาพการผลิตวัตถุดิบ คุณลักษณะของวัตถุดิบและวิธีการผลิตวัตถุดิบในโรงงานของซัพพลายเออร์

การบริหารจัดการซัพพลายเชน


    การพัฒนาศักยภาพของซัพพลายเชนนั้น นอกจากระบบการประสานงานที่ดีภายในองค์กรแต่ละองค์กรแล้ว จะต้องพิจารณาความสามารถในการประสานระบบงานระหว่างองค์กรใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1. ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการระหว่างกลุ่ม suppliers (Supply-management interface capabilities)

2. ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า(Demand-management interface capabilities)

3. ศักยภาพในการประสานระบบการจัดการสารสนเทศ (Information management capabilities)

ปัญหาของการจัดการซัพพลายเชน

1. ปัญหาจากการพยากรณ์
2. ปัญหาในกระบวนการผลิต
3. ปัญหาด้านคุณภาพ
4. ปัญหาในการส่งมอบสินค้า
5. ปัญหาด้านสารสนเทศ
6. ปัญหาจากลูกค้า

Bullwhip Effect คือปัญหาที่เกิดจากความแปรปรวนเล็กน้อยของความต้องการถูกนำมาขยาย เมื่อส่งข้อมูลกลับต้นทาง




เทคโนโลยีสารสนเทศในซัพพลายเชน


    เทคโนโลยีช่วยในการจัดการซัพพลายเชน การจัดระบบซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพนั้น กล่าวกันว่ามีองค์ประกอบที่สำคัญไม่ว่าจะเป็ นการจัดการในเรื่องความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ (Demand management) ให้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด โดยดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่หน่วยที่่เป็นต้นทางวัตถุดิบถึงขั้นสุดท้ายของกระบวนการจัดการระบบซัพพลายเชน การจัดหาสินค้าและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผ้บู ริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพโดยปัจจุบันเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในระบบซัพพลายเชนได้แก่
  • ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business)
  • บาร์โค้ดหรือรหัสแท่ง (Barcode)




วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

Lesson 6 Supply chain management

Supply chain management




  • กระบวนการ Supply Chain Management หรือ SCM เป็นกระบวนการของการบริหารทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การนำเข้าวัตถุดิบสู่กระบวนการผลิต กระบวนการสั่งซื้อ จนกระทั่งส่งสินค้าถึงมือลูกค้าให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมกับสร้างระบบให้เกิดการไหลเวียนของข้อมูลที่ทำให้เกิดกระบวนการทำงานของแต่ละหน่วยงานส่งผ่านไปทั่วทั้งองค์การ การไหลเวียนของข้อมูลยังรวมไปถึงลูกค้า และผู้จัดส่งวัตถุดิบด้วย 


1. วัตถุดิบ (Materials)การจัดการกลุ่มของกิจกรรมงาน คือ ตั้งแต่การรับวัตถุดิบมาจาก Supplies แล้วเปลียนวัตถุดิบนั้นให้เป็นสินค้าขั้นกลาง และสินค้าขั้ นสุดท้าย จนกระทั่งจัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าสิ่งที่จะทําให้เข้าใจถึงหน้าที่ของการผลิตและวิธีการควบคุมการผลิตนั้นเราจะต้องเข้าใจในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวในกระบวนการผลิตอยู่ 2 สิ่งหลักๆ คือ
2. สารสนเทศ (Information)

  • ปัญหาคือความสนใจที่แต่กต่างกันของผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น
- ลูกค้ามักต้องการสินค้าที่ถูกต้องสมบูรณ์แบบและมีราคาถูก
- พนักงานในสายการผลิตอยากรู้คําสั่งที่ถูกต้อง
- ฝ่ ายจัดซื้อต้องการได้วัตถุดิบที่ถูกต้อง มีคุณภาพ
- ผู้จําหน่ายวัตถุดิบต้องการคําสั่งซื้ อที่ถูกต้องเพื่อจะได้จัดส่งได้ถูกต้อง
- ผู้จัดการต้องการรายงานที่ถูกต้อง

  • ประโยชน์ของการทํา SCM
1. การเคลื่อนไหลของวัตถุดิบและสารสนเทศเป็นไปอย่างราบรื่น
2. ปรับปรุงระดับของสินค้าคงเหลือ
3. เพิ่มความเร็วได้มากขึ้ น
4. ขจัดความสิ้นเปลืองหรือความสูญเปล่าต่างๆ ในกระบวนการทางธุรกิจให้หมดไปได้
5. ลดต้นทุนในกิจกรรมต่างๆ ได้
6. ปรับปรุงการบริการลูกค้า




  • การบูรณาการในห่วงโซ่อุปทาน LOGO (Supply Chain Integration)
  1. การบูรณาการกระบวนการภายในทางธุรกิจให้เป็ นแบบไร้รอยตะเข็บ ไร้ความ
    สูญเสีย และมีความยืดหยุน ใช้นโยบายการทํางานแบบข้ามสายงานลด
    กระบวนการและขั้
    นตอนการทํางานทีไม่จําเป็น
  2. การบูรณาการกบกระบวนการภายนอกนั้นคือบูรณาการกับกระบวนการของลูกค้าที่สําคัญและผู้จัดหาวัตถุดิบที่สําคัญให้เข้ากบกระบวนการภายในของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ และไร้รอยตะเข็บ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อยางยืดหยุ่น และ รวดเร็ว ขณะที่ต้นทุนลดต่ำลง
  3. การบูรณาการทางเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนและประสานข้อมูลข่าวสารภายในองค์กรและระหวางองค์กรเป็นไปอย่าง ถูกต้องรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่นิยมใช้กนได้แก่ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-bussiness) การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Data Interchange-EDI) การส่งจดหมายทางอิเล็กทรอนิกส์(E-Mail) บาร์โค้ด(Bar Code) การชี บ่งตําแหน่ด้วยคลื่น(RadioFrequencyIdentificationRFID) อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต ซอฟท์แวร์การวางแผนทรัพยากรวิสาหกิจ(Enterprise Resource Planning-ERP) เป็นต้น

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สรุปบทที่ 5 E-Commerce

Lesson 5 E-commerce


  • ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Business)

คือกระบวนการดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายที่เรียกว่า
องค์การเครือข่ายร่วม (Internetworked Network) ไม่ว่าจะเป็นการ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) การติดต่อสื่อสารและ
การทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่ระบบธุรกิจภายในองค์กร

  • พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์

(ECRC Thailand,1999)

  • พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย

หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ และบริการโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
(WTO,1998)

" พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ " (Electronic commerce) คือ การทำธุรกรรมผ่าน
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขาย
สินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น
โทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการ
ลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ
โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำ
สินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และ
เวลาลงได้


  • การประยุกต์ใช้ (E-commerce Application)


  1. การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Retailing)
  2. การโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Advertisement)
  3. การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auctions)
  4. การบริการอิเล็กทรอนิกส์(E-Service)
  5. รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government)
  6. การพาณิชย์ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (M-Commerce : Mobile Commerce)
  • องค์ประกอบหลักสำคัญด้านเทคโนโลยีพื้นฐานที่จะนำมาใช้เพื่อการ พัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนได้แก่
1. ระบบเครือข่าย (Network)
2. ช่องทางการติดต่อสื่อสาร (Chanel Of Communication)
3. การจัดรูปแบบและการเผยแพร่เน้อื หา (Format & Content Publishing)
4. การรักษาความปลอดภัย (Security)

  • ประเภทของ E-Commerce
กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากำไร (Non-Profit Organization)
1. Intrabusiness (Organization) E-Commerce
2. Business-to-Employee (B2E)
3. Government-to-Citizen (G2C)
4. Collaborative Commerce (C-Commerce)
5. Exchange-to-Exchange (E2E)
6. E-Learning

  • E-Commerce Business Model
แบบจำลองทางธุรกิจหมายถึง
     - วิธีการดำเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้ อันจะทำให้บริษัทอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Add) ให้กับสินค้าและบริการ
     - วิธีการที่องค์กรคิดค้นขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่ อันจะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่า ของสินค้าและบริการ

  • ข้อดีและข้อเสียของ E-Commerce
ข้อดี
1.สามารถเปดิ ดำเนนิ การได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.สามารถดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
3.ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
4.ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดำเนินการ
5.ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครงั้ เดียวแต่ไปได้ทั่วโลก
6.สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเทอร์เนตได้ง่าย
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
8.ไม่จำเป็นต้องเปิดเป็นร้านขายสินค้าจริงๆ

ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสทิ ธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเทอร์เนตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบ
ออนไลน์
5.การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน

วันลอยกระทงในฝันของฉัน

รำลึกประเพณียี่เป็งที่ชุ่มฉ่ำ



ประเพณีลอยกระทงใหญ่ของชาวเชียงใหม่

ประวัติความเป็นมา

  • ในภาษาคำเมืองของทางเหนือ "ยี่" แปลว่า สอง และคำว่า "เป็ง" หมายถึง เพ็ญ หรือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น จึงหมายถึง ประเพณีพระจันทร์เต็มดวงในเดือนสอง โดยในพงศาวดารโยนกและจามเทวี มีบันทึกว่าครั้งหนึ่งได้เกิดอหิวาตกโรคขึ้นในแคว้นหริภุญไชย (หรือหริภุญชัย) ทำให้ชาวเมืองต้องอพยพไปอยู่เมืองหงสาวดี นานถึง 6 ปี จึงจะเดินทางกลับมายังบ้านเมืองเดิมได้ เมื่อเวลาเวียนมาถึงวันที่จากบ้านจากเมืองไป จึงได้มีการทำกระถางใส่เครื่องสักการบูชา ธูปเทียนลอย ลอยตามน้ำเพื่อให้ไปถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับไป เรียกว่า การลอยโขมด หรือลอยไฟ

  • ประเพณียี่เป็ง จะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ซึ่งถือว่าเป็น "วันดา" หรือวันจ่ายของเตรียมไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัด ครั้นถึงวันขึ้น 14 ค่ำ พ่ออุ้ยแม่อุ้ยและผู้มีศรัทธาก็จะพากันไปถือศีลฟังธรรม และทำบุญเลี้ยงพระที่วัด มีการทำกระทงขนาดใหญ่ตั้งไว้ที่ลานวัด ในกระทงนั้นจะใส่ของกินของใช้ ใครจะเอาของมาร่วมสมทบด้วยก็ได้ เพื่อเป็นทานแก่คนยากจน และในวันขึ้น 15 ค่ำ จึงนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็ก ๆ ของส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ 


คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทง


  1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
  2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
  3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
  4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานทีเมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
  5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
  6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
  7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล

    เหตุผลของการลอยกระทง 

    สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้ 


    1. เพื่อขอขมาแม่คงคา เพราะได้อาศัยนำท่านกินและใช้ และอีกประการหนึ่งมนุษย์มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในนำด้วย 
    2. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิาฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย 
    3. เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ 
    4. เพื่อบูชาพระอุปคุต ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแกพระอุปคุตอย่างสูง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้ การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น ใบตอง การกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่นำลำคลอง

    Lesson 4 E-business strategy

    Lesson 4 E-business strategy

    • E-business strategy คือ กลยุทธ์ที่จะเชื่อมให้แบบจําลองทางธุรกิจเป็นจริงได้ ทํายังไงให้การสร้างมูลค่านั้นเป็นจริงได้ แล้วทํายังไงที่จะส่งมูลค่านั้นให้กับลูกค้าได้ดีที่สุด และทํายังไงให้มันแตกต่าง การทําธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างธุรกิจออนไลน์ แต่เป็นการสร้างธุรกิจที่มีความแตกต่างอย่้างไรก็ตามในเรื่องนี้จะพูดถึงตัวแบบขั้นตอนกลยุทธ์หลักในการทําธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 4 ขั้นตอนดังนี้

    1. Strategic evaluation กลยุทธ์การประเมิน
    2. Strategic objectives  กลยุทธ์การวางแผนวัตถุประสงค์
    3. Strategy definition  กลยุทธ์การกําหนดนิยาม
    4. Strategy implementation  กลยุทธ์การดําเนินงาน

    • multi-channel e-business strategy

    กลยุทธ์หลายช่องทาง e - business เป็นการกำหนดวิธีการทางการตลาดที่แตกต่าง และ ช่องทางของห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้นจึงควรมีการบูรณาการ และ ทุกๆกลยุทธ์ควรจะสนับสนุนซึ่งกัน

    • E-channel strategies

    E-Channel ย่อมาจาก electronic channels คือ การสร้างช่องทางใหม่ๆ ในการกระจายสินค้า ทั้งจากลูกค้า และคู่ค้า โดยที่ช่องทางทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกำหนดวิธีการที่ใช้ทำงานร่วมกับช่องทางอื่นๆจากหลายช่องทางของกลยุทธ์ E-Business


    • กลยุทธ์ของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business Strategies)
    • Strategy Formulation

           - การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเพืjอหาโอกาสและภัยคุกคาม โดยพิจารณา ในแง่ต่างๆ
    เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี การต่างประเทศ ตลาด ลูกค้า คู่แข่ง ผู้สนับสนุน
    วัตถุดิบ และตลาดแรงงาน ฯลฯ
           - การวิเคราะห์สถานการณ์ภายในเพืjอหาจุดแข็งและจุดอ่อน เช่น ความสามารถ ด้านการตลาด
           - การผลิต การเงิน สารสนเทศ กฎระเบียบ การจัดการ และ ทรัพยากรบุคคล ฯลฯ
           - การกำหนดหรือทบทวนวิสัยทัศน์และภารกิจขององค์การเพืjอกำหนดให้แน่ชัดว่า
    • องค์การของเราจะมีลักษณะเช่นใด
    • มีหน้าทีjบริการอะไร แก่ใครบ้าง
    • โดยมีปรัชญา หรือค่านิยมหลักในการดำเนินการเช่นใด
           - การกำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การในระยะของแผนกลยุทธ์
           - การวิเคราะห์และเลือกกำหนดกลยุทธ์และแนวทางพัฒนาองค์การ

    • Strategic Implementation

           - การกำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน
           - การวางแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่ระบุกิจกรรมต่างๆ ที่
    จะต้องดำเนินการ
            - การปรับปรุง พัฒนาองค์การ เช่น ในด้านโครงสร้าง
    ระบบงาน ทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมองค์การและ ปัจจัย
    การบริการต่างๆ ในองค์การ

    • Strategic Control and Evaluation

           - การติดตามตรวจสอบผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์
           - การติดตามสถานการณ์และเง่อื นไขต่างๆ ทีอาจเปลี่ยนแปลง
    ไปซึ่งอาจทำให้ต้องมีการปรับแผนกลยุทธ์


    • กลยุทธ์เป็นตัวกำหนดทิศทางและการดำเนินงานด้านต่างๆ ขององค์กร กลยุทธ์เป็นเสมือนกับเหตุผลและความมุ่งหมายขององค์กร
    ปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้คือ
    - ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในตลาดขณะนี้หรือไม่
    - กำหนดนิยามว่าจะไปถึงวัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างไร
    - กำหนดการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
    - เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อที่จะได้เปรียบคู่ค้าในตลาด
    - จัดหาแผนงานระยะยาวเพื่อพัฒนาองค์กร