วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สรุปบทที่ 5 E-Commerce

Lesson 5 E-commerce


  • ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Business)

คือกระบวนการดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยีเครือข่ายที่เรียกว่า
องค์การเครือข่ายร่วม (Internetworked Network) ไม่ว่าจะเป็นการ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) การติดต่อสื่อสารและ
การทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่ระบบธุรกิจภายในองค์กร

  • พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์

(ECRC Thailand,1999)

  • พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย

หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์ และบริการโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
(WTO,1998)

" พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ " (Electronic commerce) คือ การทำธุรกรรมผ่าน
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขาย
สินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็น
โทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการ
ลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ
โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำ
สินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และ
เวลาลงได้


  • การประยุกต์ใช้ (E-commerce Application)


  1. การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ (E-Retailing)
  2. การโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์ (E-Advertisement)
  3. การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auctions)
  4. การบริการอิเล็กทรอนิกส์(E-Service)
  5. รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government)
  6. การพาณิชย์ผ่านระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ (M-Commerce : Mobile Commerce)
  • องค์ประกอบหลักสำคัญด้านเทคโนโลยีพื้นฐานที่จะนำมาใช้เพื่อการ พัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนได้แก่
1. ระบบเครือข่าย (Network)
2. ช่องทางการติดต่อสื่อสาร (Chanel Of Communication)
3. การจัดรูปแบบและการเผยแพร่เน้อื หา (Format & Content Publishing)
4. การรักษาความปลอดภัย (Security)

  • ประเภทของ E-Commerce
กลุ่มธุรกิจที่ไม่ค้ากำไร (Non-Profit Organization)
1. Intrabusiness (Organization) E-Commerce
2. Business-to-Employee (B2E)
3. Government-to-Citizen (G2C)
4. Collaborative Commerce (C-Commerce)
5. Exchange-to-Exchange (E2E)
6. E-Learning

  • E-Commerce Business Model
แบบจำลองทางธุรกิจหมายถึง
     - วิธีการดำเนินการทางธุรกิจที่ช่วยสร้างรายได้ อันจะทำให้บริษัทอยู่ต่อไปได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงกิจกรรมที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Add) ให้กับสินค้าและบริการ
     - วิธีการที่องค์กรคิดค้นขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่ อันจะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่า ของสินค้าและบริการ

  • ข้อดีและข้อเสียของ E-Commerce
ข้อดี
1.สามารถเปดิ ดำเนนิ การได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2.สามารถดำเนินการค้าขายได้อย่างอิสระทั่วโลก
3.ใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ
4.ไม่ต้องเสียค่าเดินทางในระหว่างการดำเนินการ
5.ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ และยังสามารถประชาสัมพันธ์ในครงั้ เดียวแต่ไปได้ทั่วโลก
6.สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้บริการอินเทอร์เนตได้ง่าย
7.ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย
8.ไม่จำเป็นต้องเปิดเป็นร้านขายสินค้าจริงๆ

ข้อเสีย
1.ต้องมีระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบที่มีประสทิ ธิภาพ
2.ไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการอินเทอร์เนตได้
3.ขาดความเชื่อมั่นในเรื่องการชำระเงินผ่านทางบัตรเครดิต
4.ขาดกฎหมายรองรับในเรื่องการดำเนินการธุรกิจขายสินค้าแบบ
ออนไลน์
5.การดำเนินการทางด้านภาษียังไม่ชัดเจน

วันลอยกระทงในฝันของฉัน

รำลึกประเพณียี่เป็งที่ชุ่มฉ่ำ



ประเพณีลอยกระทงใหญ่ของชาวเชียงใหม่

ประวัติความเป็นมา

  • ในภาษาคำเมืองของทางเหนือ "ยี่" แปลว่า สอง และคำว่า "เป็ง" หมายถึง เพ็ญ หรือพระจันทร์เต็มดวง ดังนั้น จึงหมายถึง ประเพณีพระจันทร์เต็มดวงในเดือนสอง โดยในพงศาวดารโยนกและจามเทวี มีบันทึกว่าครั้งหนึ่งได้เกิดอหิวาตกโรคขึ้นในแคว้นหริภุญไชย (หรือหริภุญชัย) ทำให้ชาวเมืองต้องอพยพไปอยู่เมืองหงสาวดี นานถึง 6 ปี จึงจะเดินทางกลับมายังบ้านเมืองเดิมได้ เมื่อเวลาเวียนมาถึงวันที่จากบ้านจากเมืองไป จึงได้มีการทำกระถางใส่เครื่องสักการบูชา ธูปเทียนลอย ลอยตามน้ำเพื่อให้ไปถึงญาติพี่น้องที่ล่วงลับไป เรียกว่า การลอยโขมด หรือลอยไฟ

  • ประเพณียี่เป็ง จะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 13 ค่ำ ซึ่งถือว่าเป็น "วันดา" หรือวันจ่ายของเตรียมไปทำบุญเลี้ยงพระที่วัด ครั้นถึงวันขึ้น 14 ค่ำ พ่ออุ้ยแม่อุ้ยและผู้มีศรัทธาก็จะพากันไปถือศีลฟังธรรม และทำบุญเลี้ยงพระที่วัด มีการทำกระทงขนาดใหญ่ตั้งไว้ที่ลานวัด ในกระทงนั้นจะใส่ของกินของใช้ ใครจะเอาของมาร่วมสมทบด้วยก็ได้ เพื่อเป็นทานแก่คนยากจน และในวันขึ้น 15 ค่ำ จึงนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็ก ๆ ของส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ 


คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทง


  1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
  2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
  3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
  4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานทีเมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
  5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
  6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
  7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล

    เหตุผลของการลอยกระทง 

    สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้ 


    1. เพื่อขอขมาแม่คงคา เพราะได้อาศัยนำท่านกินและใช้ และอีกประการหนึ่งมนุษย์มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในนำด้วย 
    2. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิาฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย 
    3. เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ 
    4. เพื่อบูชาพระอุปคุต ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแกพระอุปคุตอย่างสูง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้ การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น ใบตอง การกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่นำลำคลอง

    Lesson 4 E-business strategy

    Lesson 4 E-business strategy

    • E-business strategy คือ กลยุทธ์ที่จะเชื่อมให้แบบจําลองทางธุรกิจเป็นจริงได้ ทํายังไงให้การสร้างมูลค่านั้นเป็นจริงได้ แล้วทํายังไงที่จะส่งมูลค่านั้นให้กับลูกค้าได้ดีที่สุด และทํายังไงให้มันแตกต่าง การทําธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างธุรกิจออนไลน์ แต่เป็นการสร้างธุรกิจที่มีความแตกต่างอย่้างไรก็ตามในเรื่องนี้จะพูดถึงตัวแบบขั้นตอนกลยุทธ์หลักในการทําธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 4 ขั้นตอนดังนี้

    1. Strategic evaluation กลยุทธ์การประเมิน
    2. Strategic objectives  กลยุทธ์การวางแผนวัตถุประสงค์
    3. Strategy definition  กลยุทธ์การกําหนดนิยาม
    4. Strategy implementation  กลยุทธ์การดําเนินงาน

    • multi-channel e-business strategy

    กลยุทธ์หลายช่องทาง e - business เป็นการกำหนดวิธีการทางการตลาดที่แตกต่าง และ ช่องทางของห่วงโซ่อุปทาน ดังนั้นจึงควรมีการบูรณาการ และ ทุกๆกลยุทธ์ควรจะสนับสนุนซึ่งกัน

    • E-channel strategies

    E-Channel ย่อมาจาก electronic channels คือ การสร้างช่องทางใหม่ๆ ในการกระจายสินค้า ทั้งจากลูกค้า และคู่ค้า โดยที่ช่องทางทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถกำหนดวิธีการที่ใช้ทำงานร่วมกับช่องทางอื่นๆจากหลายช่องทางของกลยุทธ์ E-Business


    • กลยุทธ์ของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business Strategies)
    • Strategy Formulation

           - การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกเพืjอหาโอกาสและภัยคุกคาม โดยพิจารณา ในแง่ต่างๆ
    เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี การต่างประเทศ ตลาด ลูกค้า คู่แข่ง ผู้สนับสนุน
    วัตถุดิบ และตลาดแรงงาน ฯลฯ
           - การวิเคราะห์สถานการณ์ภายในเพืjอหาจุดแข็งและจุดอ่อน เช่น ความสามารถ ด้านการตลาด
           - การผลิต การเงิน สารสนเทศ กฎระเบียบ การจัดการ และ ทรัพยากรบุคคล ฯลฯ
           - การกำหนดหรือทบทวนวิสัยทัศน์และภารกิจขององค์การเพืjอกำหนดให้แน่ชัดว่า
    • องค์การของเราจะมีลักษณะเช่นใด
    • มีหน้าทีjบริการอะไร แก่ใครบ้าง
    • โดยมีปรัชญา หรือค่านิยมหลักในการดำเนินการเช่นใด
           - การกำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การในระยะของแผนกลยุทธ์
           - การวิเคราะห์และเลือกกำหนดกลยุทธ์และแนวทางพัฒนาองค์การ

    • Strategic Implementation

           - การกำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน
           - การวางแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ที่ระบุกิจกรรมต่างๆ ที่
    จะต้องดำเนินการ
            - การปรับปรุง พัฒนาองค์การ เช่น ในด้านโครงสร้าง
    ระบบงาน ทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมองค์การและ ปัจจัย
    การบริการต่างๆ ในองค์การ

    • Strategic Control and Evaluation

           - การติดตามตรวจสอบผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์
           - การติดตามสถานการณ์และเง่อื นไขต่างๆ ทีอาจเปลี่ยนแปลง
    ไปซึ่งอาจทำให้ต้องมีการปรับแผนกลยุทธ์


    • กลยุทธ์เป็นตัวกำหนดทิศทางและการดำเนินงานด้านต่างๆ ขององค์กร กลยุทธ์เป็นเสมือนกับเหตุผลและความมุ่งหมายขององค์กร
    ปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้คือ
    - ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เป็นอยู่ในตลาดขณะนี้หรือไม่
    - กำหนดนิยามว่าจะไปถึงวัตถุประสงค์ที่วางไว้อย่างไร
    - กำหนดการจัดสรรทรัพยากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
    - เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมเพื่อที่จะได้เปรียบคู่ค้าในตลาด
    - จัดหาแผนงานระยะยาวเพื่อพัฒนาองค์กร

    Lesson 3 E- ENVIRONMENT

    Lesson 3 E- ENVIRONMENT










    Business Environment 
    สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ จึงสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่
    1. สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจ Internal Environment คือ สภาวะแวดล้อมที่ธุรกิจสามารถควบคุมได้ หมายถึง ปัจจัยต่าง ๆ ที่ธุรกิจสามารถกำหนด และ ควบคุมได้เป็นไปตาม
    ความต้องการของธุรกิจถือว่าเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
    โปรแกรมการตลาด โดยการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของ
    ธุรกิจ ในการนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน

    2.สภาพแวดล้อมภายในธุรกิจ External Environment ภาวะแวดล้อมที่ธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจัยกลุ่มนี้ หมายถึงปัจจัยยังคับภายนอกธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อระบบการตลาด ถือว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้แต่มีอิทธิพลต่อระบบการตลาดคือสร้างโอกาสหรืออุปสรรคแก่ธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย
    สิ่งแวดล้อมจุลภาค และสิ่งแวดล้อมมหภาค



    สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจระดับจุลภาค (Micro External Environment)
    คือ ภาวะแวดล้อมภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถ ควบคุมได้ แต่
    สามารถเลือก ที่จะติดต่อและเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
    แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม


    1. ตลาด หรือลูกค้า (Market)
    2. ผู้ขายปัจจัยการผลิตหรือวัตถุดิบ (Suppliers)
    3. คนกลางทางการตลาด (Marketing Intermediaries)
    4. สาธารณชนและกลุ่มผลประโยชน์ (Publics)


    สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจระดับมหภาค (Macro External Environment)
    คือ สภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจและต่อระบบ
    การตลาดเป็นอย่างมาก แต่ละหน่วยงานและองค์กรธุรกิจไม่
    สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ แบ่งออกได้เป็น 4
    ประการ ได้แก่
    1. ด้านการเมืองและกฎหมาย
    2. เศรษฐกิจ
    3.  สังคม
    4. เทคโนโลยี
    การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการบริหารธุรกิจ
    S (Strengths) จุดแข็ง เป็นปัจจัยภายในที่ส ามารถควบคุมได้ตาม
    ศักยภาพของธุรกิจที่มีอยู่
    W (Weaknesses) จุดอ่อน เป็นปัจจัยภายในที่เกิดจากปัญหาภายในธุรกิจ อัน
    เนื่องมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาด
    O (Opportunities) โอกาส เป็นปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไป
    ควบคุมให้เกิดหรือไม่เกิดขึ้นได้
    T (Threats) อุปสรรค เป็นปัจจัยภาย นอกที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไปควบคุมให้
    เกิดหรือ ไม่เกิดขึ้นได้

    การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ด้วย TOWS Matrix


    Lesson 2 E-business infrastructure

    Lesson 2 E-business infrastructure



    E-business infrastructure หมายถึง
    หมายถึงการรวมกันของฮาร์ดแวร์เช่น Server, Client PC ในองค์กร
    รวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งานซอฟต์แวร์
    ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวมถึงคู่ค้าและลูกค้า
    ของตน ซึ􀀩งคำว่า Infrastructure ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้าน
    Hardware , Software และ เครือข่าย ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย และ
    ท้ายที่สุด ยังรวมไปถึง กระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบ
    E-business ด้วย
    www.

    Internet technology  ช่วยให้การสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องที่
    เชื่อมต่อทัว่ โลก แต่ในการถ่ายโอนข้อมูลนั้นไร้รอยต่อของวิธีการเหมือนไม่มีอะไร
    เกิดขึ้น การร้องขอข้อมูลจะถูกส่งจากคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์และอปุ กรณ์มือถือที่มี
    ผู้ใช้ร้องขอการบริการให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลโปรแกรม
    ประยุกต์ทางธุรกิจและโฮสต์ที่ส่งมอบการบริการในการตอบสนองต่อการร้อง
    ขอ ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงเป็นระบบเขนาดใหญ่ในรูปแบบ Client/Server

    Web technology คือบริการหนึ่งในรูปแบบต่างๆของการให้บริการของอินเตอร์เนต สำหรับ ผู้พัฒนาเว็บ หรือผู้ที่ต้องการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อสือสาร ผ่านเว็บ หรือ อินเตอร์เนต แล้ว จะต้องรู้ และเข้าใจเรื่อง เกี่ยวกับ โปรโตคอล (Protocal)


    โปรโตคอล เป็นเพียงข้อตกลงกันระหว่าง 2 ฝ่ายที่ให้เครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง และราบรื่นมากที่สุด และการใช้บริการเว็บนี้ เราจะทำงานภายใต้ โปรโตคอล HTTP ซึ่ง โปรโตคอลนี้ จะเป็นตัวกำหนดวิธีการส่งข้อมูลหรือไฟล์ ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็น Client และ Server รวมถึงการกำหนด กฏระเบียบในการติดต่อด้วย เราจะใช้โปรแกรมประภท Browser เป็นตัวช่วยในการติดต่อสื่อสารได้ง่ายขึ้น


    Internet-access software applications การใช้งานซอฟต์แวร์ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเข้าถึง





    How does it work? Internet standards มันทำงานอย่างไร มาตรฐานอินเทอร์เน็ต

    ในส่วนนี้จะกล่าวถึง Internet Standard เป็นขบวนการที่
    เกี่ยวข้องกับทุกๆ protocol & procedure และระเบียบแบบแผนต่างๆ ที่ใช้ใน
    ระบบอินเตอร์เน็ต ไม่จำเป็นว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของ TCP/IP protocol หรือไม่
    ในกรณีของหลายๆ protocol จะถูกพัฒนาและทำให้เป็นมาตราฐานด้วยองค์กรที่
    ไม่ใช่เป็นองค์กรของอินเตอร์เน็ต (non-Internet organizations) แต่อย่างไรก็ตาม
    โดยทั่ว ไปแล้ว the Internet Standards Process ก็จะถูกทำให้เป็น application
    ของ โปรโตคอลและ procedure ของ Internet context ไม่ใช่ว่าเพื่อระบุให้
    โปรโตคอลของมันเอง

    Managing e-business infrastructure การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน e-business

    1. E-business service applications layer ชั้นของแอปฟลิเคชั่น คือ ชั้นของโปรแกรม ต่างๆ
    จะเป็นการใช้แอปฟลิเคชั่น โดยไม่สนใจซอฟต์แวร์
    2. System Software layer การนำโปรแกรมที่มาใช้งานให้ประสบความสำเร็จในชั้นที่ 1 เป็นเรื่อง
    ของการจัดการซอฟต์แวร์
    3. Transport or Network layer เป็นชั้นที่ใช้ในการสื่อสาร เช่น พวกโปรโตคอลต่างๆ ประสาน
    งานกับเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่าย
    4. storage/Physical layer เป็นชั้นที่ใช้เก็บพวกข้อมูลต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิกส์ แรม ว่าเก็บข้อมูลไว้
    ในส่วนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อะไรเก็บ
    5. Content and Data layer ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับพวก อินเตอร์เน็ต เอ็กทราเน็ต อินทราเน็ต

    Lesson 1 Introduction to E-Business and E-Commerce

    บทที่ 1 Introduction to E-Business and E-Commerce

    Lesson 1 Introduction to E-Business and E-Commerce


    • บริการเครือข่ายสังคม (social network service) 

    เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแช็ต ส่งข้อความ ส่งอีเมล วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก การทำงานคือ คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ในรูปฐานข้อมูล sql ส่วน video หรือ รูปภาพ อาจเก็บเป็น ไฟล์ก็ได้ บริการเครือข่ายสังคมที่เป็นที่นิยมได้แก่ ไฮไฟฟ์ มายสเปซ เฟซบุ๊ก ออร์กัต มัลติพลาย โดยเว็บเหล่านี้มีผู้ใช้มากมาย เช่น เฟสบุ๊คเป็นเว็บไซต์ที่คนไทยใช้มากที่สุด ในขณะที่ออร์กัตเป็นที่นิยมมากที่สุดในประเทศอินเดีย ปัจจุบัน บริการเครือข่ายสังคม มีผลประโยชน์คือหาเงินจากการโฆษณา การเล่นเกมโดยใช้บัตรเติมเงิน

    ความแตกต่างระหว่าง E-commerce และ E-business

    E-Commerce มีชื่อที่แปลเป็นภาษาไทยว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” โดยความหมายของคำว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีผู้ให้คำนิยามไว้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีคำจำกัดความใดที่ใช้เป็นคำอธิบายไว้อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีดังนี้
    พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์” (ศูนย์พัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์, 2542)”
    พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การผลิต การกระจาย การตลาด การขาย หรือการขนส่งผลิตภัณฑ์และบริการโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์” (WTO, 1998)
    E-Business นั้น คือ การดำเนินกิจกรรมทาง ธุรกิจต่างๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
    การใช้คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและอินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจ มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของคู่ค้า และลูกค้าให้ตรงใจ และรวดเร็วและเพื่อลดต้นทุน และขยายโอกาสทางการค้า และการบริการ เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลจะมีคำศัพท์ที่ได้ยินบ่อยๆ


    • BI=Business Intelligence


    คือ เทคโนโลยีสำหรับการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บ วิเคราะห์ และการเข้าถึงข้อมูล รวมถึงการดูในหลากหลายมุมมอง (Multidimensional Model) ของแต่หน่วยงาน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานในองค์กรทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น BI Application จะรวบรวมการทำงานของระบบสนับสนุนการตัดสินใจ แบบสอบถามและสร้างรายงานเพื่อการวิเคราะห์


    • EC=E-Commerce


    การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกๆ ช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ อินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถกระทำผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ การโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การโฆษณาในอินเทอร์เน็ต แม้กระทั่งซื้อขายออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพื่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทของความสำคัญขององค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นต้น ดังนั้นจึงลดข้อจำกัดของระยะทางและเวลา ในการทำธุรกรรมลงได้



    • CRM=Customer Relationship Management




    • การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันขององค์การนั้น จะประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด ลูกค้ามีส่วนสำคัญมาก การรักษาลูกค้าให้อยู่ได้นานเป็นสิ่งสำคัญที่องค์การต่างให้ความสนใจ CRMจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่องค์การหลายๆ องค์การนำมาใช้อย่างมาก
                 ทั้งนี้เพื่อให้องค์การสามารถสร้างและรักษาความจงรักภักดีของลูกค้าที่มี ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อองค์การและเป็นผู้สร้างกำไรระยะยาวให้กับองค์การ


    • SCM=Supply Chain Management


    การประสาน ห่วงโซ่ทางธุรกิจ ตั้งแต่แหล่งวัตถุดิบ ผู้ผลิต ผู้จัดส่ง ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก จนถึงมือผู้บริโภค


    • ERP=Enterprise Resource Planning


    ERP ย่อมาจาก Enterprise Resource Planning หมายถึง การวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กรโดยรวม เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดของทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร